แอนนาจึงเนรมิตร
ให้คอลเล็คชั่นสำหรับหน้าร้อนของเธอ อบอวนไปด้วยกลิ่นไอ
แบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยดึงเอา เอกลักษณ์ความเป็นโจรสลัดรวมถึง
เครื่องแต่งกายของเหล่ากะลาสีเรือ ออกมารังสรรค์ผลงานของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็น หมวกปีก ของกัปตัน ผ้าคาดหัว รองเท้า ถุงเท้า
หรือ แม้แต่เสื้อ และกางเกง
นอกจากนี้ ด้วยความที่เป็นคนชอบศิลปะแบบพื้นเมืองต่าง ๆ
ดังนั้น ลวดลาย หรือ สัญลักษณ์จากชนเผ่าหลายแห่ง
จึงถูกนำมารวมไว้ ในคอลเล็คชั่นนี้ด้วย เช่น ลวดลายบนพรม
ซึ่งได้ไอเดียจากนิทานอมตะเรื่อง อาละดิน ยักษ์ในตะเกียงแก้ว
รวมถึงศิลปะการตัดเย็บผ้าแบบชาวตุรกีที่มักจะ นำผ้าชิ้นเล็ก ๆ หลายชิ้นมาเย็บต่อกัน จนได้ผ้าผืนใหม่ที่มีสไตล์อีกแบบด้วย และ เครื่องประดับ
จำพวกสร้อยคอยาวๆ และกำไล ที่เหมาะมาก สำหรับคนที่ ชื่นชอบสไตล์แบบยิปซี
สีสันที่ เธอเลือกมาสำหรับซีซั่นนี้ คือ ขาว ดำ แดง น้ำเงิน
ซึ่งจะโดดเด่น มากเมื่อนำมาทำเป็นลวดลายแบบพื้นเมือง
ยิ่งเมื่อมัน อยู่บนผ้าเนื้อบางเบาแล้ว ยิ่งช่วยเพิ่ม ความมีชีวิตชีวา แก่ผู้สวมใส่ได้ไม่น้อย
จากนั้นมาต่อกันที่ คอลเล็คชั่นของ Alberta Ferretti และ
Bottega Veneta ซึ่งดูแล้วค่อนข้างจะต่างจากสไตล์ของ
แอนนาอย่างสิ้นเชิง แต่ก็มีบางสิ่งที่คล้ายกันให้เห็นอยู่บ้าง
ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ของเสื้อผ้า ที่เน้นความสั้น และความพลิ้วไหว
เพื่อให้เหมาะกับการสวมใส่ในหน้าร้อน
แต่เมื่อโฟกัสมาที่ คอลเล็คชั่นของ Ferretti และ Veneta
จะพบว่า สิ่งที่เด่นชัดที่สุด คือ ความนุ่ม เบาสบาย ดีไซน์เรียบ ๆ
แต่แฝงไว้ซึ่ง ความหรูหรา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เอง ที่เป็นสิ่งที่
ผู้หญิงเราต้องการ และทั้งคู่ ก็ถ่ายทอดออกมา ได้อย่างน่าชมทีเดียว
เสื้อผ้าแต่ละชุด ถูกออกแบบมาเพื่อสาวทำงานสมัยใหม่
ที่ต้องพร้อม จะเผชิญกับความรีบเร่ง แต่ต้องการบางสิ่ง ที่จะช่วยทำให้พวกเธอ
ดูมีความอ่อนหวาน ในแบบของผู้หญิง อยู่ด้วย ดังนั้น ทั้งสองคอลเล็คชั่น
จึงจะเน้นสีสันในเฉดพาสเทล อย่างสีเนื้อ เปลือกมังคุด ชมพูอ่อน ฟ้า
และโคบอลต์ ซึ่งเข้ากันได้ดีไม่น้อย กับสไตล์แบบชุดกระโปรงสั้นเหนือเข่า และเปิดอก
ที่ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นถึงความกลมกลืนระหว่างความเป็นสาวทันสมัย และสาวหวาน
|