พิษของวิตามันเอ
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่าเด็กกว่า 3 ล้านคนทั่วโลกป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการขาดวิตามินเอ

วิตามินเอ คือสารอาหารที่ละลายได้ในไขมัน ซึ่งแหล่งสะสมหลัก ในร่างกายจะอยู่ที่ตับ และมีสะสมอยู่เล็กน้อยที่ไต ปอด และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทั่วร่างกาย วิตามินเอพบได้ทั่วไป ในกลุ่มพืชผักผลไม้ที่มีสีเหลือง-ส้ม เช่น แครอต ฟักทอง มะละกอสุก มะม่วงสุก และผักใบเขียวเข้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง เป็นต้น เนื่องจากวิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ดังนั้นจึงควรรับประทาน อาหารไขมันร่วมกับ แหล่งอาหารวิตามินเอ เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึม สารตั้งต้นของวิตามินเอได้ดีขึ้น

ประโยชน์ของวิตามินเอนั้นมีมากมายมหาศาล อาทิ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงกระดูก สารเคลือบผิว การเจริญอาหาร การสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว รวมทั้งการสร้างเม็ดสีสำหรับการมองเห็นในที่มืด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการรักษาเยื่อบุในร่างกาย เยื่อบุทางเดินหายใจ และช่วยให้ ระบบภูมิคุ้มกันเชื้อโรค ของร่างกายทำงานได้ดีอีกด้วย

ปริมาณของวิตามินเอที่แต่ละคนควรได้รับในแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัยและสภาพร่างกายในขณะนั้น อย่างเด็กอ่อน ควรได้รับวิตามินชนิดนี้ประมาณ วันละ 1,000 ยูนิต นับแต่แรกเกิด และเพิ่มเป็นวันละ 2,000 ยูนิต เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของวัยทารก

ผู้ใหญ่ต้องการอย่างน้อย 2,500 ยูนิตต่อวัน เพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย ในขณะที่มารดาที่ให้นมบุตร ควรได้รับวิตามินเอมากกว่าปกติ คือประมาณ 4,000 ยูนิตต่อวันแต่ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพราะการรับวิตามินเอมากเกินไปอาจเกิดพิษได้

จากการศึกษาพบว่าการขาดวิตามินเอ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออาการทางตาเช่น เยื่อบุตาแห้ง เป็นแผลขุ่นเหลว และอาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด

สำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ผู้คนหันมาให้ความสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น แต่ด้วยความรีบเร่ง ผู้รักสุขภาพบางส่วนจึงเลือกวิตามินสำเร็จรูป เป็นตัวช่วย ซึ่งก็ถือว่า เป็นทางแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพหนทางหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ควรต้องระวัง เป็นอย่างยิ่งคือ โทษที่อาจเกิดขึ้นหากได้รับวิตามินเหล่านี้ ในปริมาณที่มากเกินไป

จากผลการวิจัยระบุว่าการได้รับวิตามินเอในปริมาณที่มากติดต่อกัน เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ถึงตายได้ เพราะวิตามินเอสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ เคยมีรายงานว่า ชาวเอสกิโมที่กินตับหมีขาว ซึ่งอุดมด้วยวิตามินเอจะมีอาการง่วงซึม ปวดศีรษะ อาเจียน และผิวหนังลอก ซึ่งเมื่อนำตับหมีขาวมาวิจัยจึงพบว่าในตับหนึ่งขีด มีวิตามินเอสูงถึงสองล้านยูนิต สำหรับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ซื้อวิตามินเอสำเร็จรูป มาให้รับประทานในปริมาณสูงถึง 100,000 – 500,000 ยูนิต จะไม่อยากอาหาร กระสับกระส่าย ผิวหนังแห้ง แตกด้าน หยาบ ขรุขระ ผมร่วงบาง มีอาการบวมตามข้อต่อกระดูกแขนขา และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

อันที่จริง สำหรับคนทั่วไปการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ และรับประทานผัก ผลไม้สีเขียวและเหลืองมาก ๆ ก็สามารถได้รับวิตามินเอเพียงพอต่อความต้องการ ของร่างกายแล้ว ยกเว้นแต่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ ว่าขาดวิตามินเอ จึงค่อยหา วิตามินสำเร็จรูปมารับประทานเสริม ตามคำแนะนำของแพทย์

Endrophine


แหล่งข้อมูล :
http://www.who.org